วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Evo IV-V-VI ที่ใครๆก็คิดว่าแค่ Ck

Evolution IV

ผลิตขึ้นในปี 1996 ใช้รหัสตัวถังว่า CN9A จำนวนที่ผลิต 12,000 คัน
บอดี้
เป็นการเปลี่ยนตัวถัง และโครงสร้างบอดี้ใหม่ทั้งหมด ใช้พื้นฐานมาจากรถตลาด CK2 หรือที่เรียกกันว่า Mitsubishi ท้ายเบนซ์ โครงสร้างของตัวถังมีความแข็งแรงกว่า ด้วยการเพิ่มจุด Sport หรือจุดเชื่อมต่อให้มากขึ้นกว่าเดิม เสริมโครงสร้างต่างๆเพื่อความแข็งแรง เพื่อการรับแรงบิด และแรงม้าที่เพิ่มขึ้นของเครื่องยนต์ กันชนหน้าทรงแข่งเพิ่มสปอร์ตไลท์ไฟตัดหมอกขนาดใหญ่ ช่องระบายความร้อนอินเตอร์คูเลอร์ เสกิตร์ข้าง และสปอยเลอร์หลังทรงสูงแบบมีเสากลาง เพื่อเพิ่มแรงกดอากาศที่ความเร็วสูง ตัวถังมีความยาว 4,330 มิลิเมตร กว้าง 1,415 มิลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,510 มิลิเมตร น้ำหนักรวม 1,350 กิโลกรัม ภายในใช้เบาะทรงแข่งจาก RECARO SR SERIES ลายอิฐสีแดงเข้มสลับดำ หน้าปัดรุ่นใหม่จอขาว ด้ามเกียรควิกชิพจากโรงงาน กับพวงมาลัยทรง 3 ก้านพร้อมถุงลมนิรภัย

เครื่องยนต์ใช้รหัสเดิม 4G63T แต่ได้เปลี่ยนพื้นฐานของเครื่องเดิมใน Evo3 ใหม่ทั้งหมดเป็นเครื่องฝาแดงหลังกลับ โดยเปลี่ยนตำแหน่งเครื่องยนต์ ให้ด้านหน้าเครื่องอยู่ด้านเดียวกับคนขับ มีผลช่วยในการบาลานซ์น้ำหนัก และการควบคุมรถได้ดีกว่าเดิม เครื่องยนต์ขนาด 1,997 ซีซี ความกว้าง x ช่วงชัก 85.0 x 88.0 อัตตราส่วนกำลังอัด 8.8 : 1 เทอร์โบใช้รหัส TD05 HR-16G6-9T ขนาดโตกว่า Evo3 มากแบบเวสเกต 2 ลิ้น มี ONE WAY VALE คายไอดีต่อมาปั่นกังหันไอเสีย ช่วยลดการรอรอบเทอร์โบระหว่างถอนคันเร่ง เพิ่มหัวฉีดน้ำอินเตอร์คูลเลอร์ระบายความร้อน ระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ ถูกเปลี่ยนใหม่หมด ใช้คอล์ยจุดระเบิดแบบแยกแต่ละหัวเทียน หัวฉีดขนาด 510 ซีซี ทำให้มีแรงม้าแบบเกือบทะลุเพดานกฎหมายญี่ปุ่นที่ 280 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 36 กก.ม ที่ 3,000 รอบต่อนาที
ช่วงล่างระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full Time เฟืองท้ายหลังได้เพิ่มระบบ AYC หรือระบบ Active Yaw Control เป็นฟันเฟืองพิเศษที่ช่วยในการกระจายแรงขับเคลื่อนให้เท่ากันทุกล้อ แม้ในขณะเข้าโค้ง และระบบกระจายแรงบิด HELICAL GEAR ลิมิเต็ด สลิปที่เพลาหน้าเป็นครั้งแรกในโลก ส่งผ่านเกียรธรรมดา 5 เกียร ทั้งในรุ่น GSR และ RS อัตราทดเฟืองท้าย 4.529 ช่างล่างหน้าแบบ MacPherson Struts และด้านหลังแบบ Multi-Link หยุดแรงม้าด้วยระบบดิสเบรคหน้า 2 port และดิสเบรกหลัง เปลี่ยนน็อตล้อแบบ Evo1- 3 จาก 4 รู 114.3 เป็น 5 รู 114.3 ล้อเป็นของ OZ ขนาด 16 นิ้วกับยางขนาด 205-55R16 ทั้ง 4 เส้น

Evolution V

ผลิตขึ้นในปี 1996 ใช้รหัสตัวถังว่า CP9A จำนวนที่ผลิต 6,000 คัน
บอดี้
เปลี่ยนชุดกันชนหน้าให้ช่องรับลมระบายความร้อนอินเตอร์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โป่งล้อที่มีขนาดกว้างขึ้น เปลี่ยนสปอยเลอร์หลังทรงสามเหลียมแบบไม่มีเสากลาง และแผ่นกดอากาศซึ่งสามารถปรับความลดเอียงได้ 4 ระดับเพื่อเพิ่มแรง Down Force ได้มากขึ้น เพิ่มความยาวตัวถังขึ้นอีก 20 มิลิเมตร เป็น 4,350 มิลิเมตร เพิ่มความกว้างเป็น 1,770 มิลิเมตร กับความสูง 1,415 มิลิเมตร ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นกว่า Evo 4 อีก 10 กิโลกรัม เป็น 1,360 กิโลกรัม ภายในยังคงใช้รูปแบบเดียวกับ Evo4 แต่เปลี่ยนโทนสีเสียใหม่เป็นสีเทาดำ กับเบาะของ RECARO รุ่นใหม่ในตระกูล SR SERIES
เครื่องยนต์
ยังคงใช้เครื่องในบล็อกเดิมกับ Evo4 ปรับปรุงระบบภายในให้ลูกสูบมีน้ำหนักเบา และแข็งแรงขึ้น เปลี่ยนเทอร์โบมาใช้รหัส TD05HR-16G6-10.5 ขนาดฐานใบที่ 56 มิลเท่ากับ Evo4 แต่เพิ่มค่า A/R จาก 8.15/8.38 เป็น 9.58/9.45 และได้เพิ่มขนาดหัวฉีดอีก 40 ซีซี เป็น 550 ซีซี รวมถึงเพิ่มกำลังอัดของเครื่องยนต์จาก 8.8:1 เป็น 9.0:1 ทำให้เครื่องยนต์ของ Evo 5 มีแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 38 กก.ม ที่ 3,000 รอบต่อนาที
ช่วงล่าง
ปรับเปลี่ยนความแข็งอ่อนของสปริง และโช๊คอัพให้มีความเกาะถนนเพิ่มขึ้น จุดยึดระบบปีกนก กันโคลง และมุมล้อใหม่หมดทำให้เข้าโค้งได้ดีขึ้น ขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นอีก 35 มิลลิเมตร และระบบเบรกของ BREMBO ทั้ง 4 ล้อเป็นระบบเบรกมาตรฐาน เปลี่ยนล้อ และยางให้ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 17 นิ้ว กับยางขนาด 225/45ZR17 เพิ่มความยึดเกาะถนนได้ดีกว่า Evo4 เป็นอย่างมาก

Evolution VI


ผลิตขึ้นในปี 1998 ใช้รหัสตัวถัง CP9A จำนวนที่ผลิต 5,000 คัน
บอดี้
เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ให้มีช่องระบายความร้อนอินเตอร์ให้มีขนาดกว้างขึ้น ย้ายไฟตัดหมอกให้อยู่ด้านข้างของกันชน และขนาดเล็กลง โป่งซุ้มล้อที่มีขนาดกว้างขึ้น และสปอยเลอร์หลังให้เล็กลง ตามกฎการแข่งขัน FIA แต่ทำเป็นปีก 2 ชั้นยกระดับขึ้นจากฝากระโปรงท้าย เพื่อเพิ่มแรงกดอากาศให้กับท้ายรถได้มากขึ้น และปีกบนที่สามารถปรับระดับได้ ภายในเปลี่ยนโทนสีเบาะ และแผงข้างเสียใหม่ ให้เป็นโทนสีน้ำเงินดูสวยงามขึ้น และเนื้อผ้าแบบไม่ลื่นช่วยให้นั่งกระชับยิ่งขึ้น หน้าปัดเรือนไมล์เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ากันกับตัวเบาะ และภายใน
เครื่องยนต์
พัฒนาระบบภายในเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์มากกว่า Evo4 และ Evo5 จากปัญหาลูกสูปละลาย ปรับปรุงระบบระบายความร้อนให้กับลูกสูบ โดยเพิ่ม Oil Jet Spray ให้กับลูกสูบ เปลี่ยนวัสดุลูกสูบให้แข็งแรง และน้ำหนักเบาขึ้นอีก 7 เปอร์เซ็นต์ เทอร์โบในรุ่น GSR ใช้ TD05HR-16G6-10.5T แต่ในรุ่น RS จะใช้เทอร์โบ TD05HRA-16G-10.5T ที่แกนเทอร์โบด้านไอเสียเทอร์ไบน์ ใช้วัสดุไททาเนี่ยมผสมอัลลอย มีน้ำหนักเบากว่าเทอร์โบรุ่นธรรมดาถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ลดอาการ Turbo lag ได้มากขึ้น เพิ่มระบบ ALS หรือ Anti lag System หรือระบบหน่วงรอบเครื่อง ในขณะถอนคันเร่ง ป้องกันอาการบูชเทอร์โบตก ระบบน้ำฉีดอินเตอร์ และหม้อน้ำช่วยระบายความร้อน ทำให้เครื่องยนต์ของ Evo6 มีพลัง 280 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แต่แรงบิดเครื่องยนต์ยังคงเท่าเดิม 38 กก.ม ที่ 3,000 รอบต่อนาที
ช่วงล่าง
พัฒนาต่อจาก Evo5 อย่างมากมาย ด้วยการเปลี่ยนปีกนกล่างทั้งหมด เป็นอะลูมิเนียม ช่วยลดน้ำหนักให้กับช่วงล่าง เป็นผลให้จุดรับน้ำหนักตัวถังสมดุล และนุ่มนวลขึ้น บูชยางต่างๆใช้เป็นแบบ Pillow Ball รวมถึงลูกหมากปีกนกทั้งหมดแบบ Ball Joint จุดยึดปีกนกต่างๆเลื่อนต่ำลง เพื่อการตอบสนองความรู้สึกได้ดีทุกสภาพผิวถนน พัฒนาระบบ AYC ให้สมบูรณ์ แม่นยำ และทนทานขึ้น ระบบเบรกยังคงใช้เช่นเดียวกับ Evo5 เปลี่ยนลายล้อแม็คเป็นลาย 15 ก้านของ OZ กับยางขนาด 225/45ZR17

Evolution VI TME

เป็น Evo6 ที่ผลิตขึ้นมาเป็นรุ่นพิเศษ ในปี1999 จำนวนที่ผลิต 2,500 คัน

Evo6.5 นี้ใช้ชื่อว่า TOMMI MAKINEN LIMITED EDITION เป็นรุ่นที่ผลิตมาเพื่อไว้อาลัย อดีตนักแข่งแชมป์โลกทีม Mitsubishi TOMMI MAKINEN ที่ได้วางพวงมาลัย ลาสังเวียนแรลลี่ หลังแข่งขันจบฤดูการนี้ โดยได้รับการพัฒนามาจาก Evo6 รุ่น RS ด้วยการเปลี่ยนแปลงกันชนหน้าให้สวยงามดุดันขึ้น ตัดไฟตัดหมอกออกไป สติกเกอร์รอบคัน ล้อแม็คเปลี่ยนเป็นสีขาวของ OZ ภายในเบาะใช้เป็นทรงเดียวกับ Evo6 ของ RECARO ในรุ่น SR SERIERS สีแดงตัดดำ ตรงกลางเบาะปักตัวอักษร TOMMI MAKINEN และแผงข้างลายเดียวกัน ลดขนาดความสูงของตัวถังลงอีก 10 มิลิเมตร ช่วยในการเกาะถนนมากขึ้น ระบบเบรกของ BREMBO ที่มีขนาดโตขึ้นกว่าเดิม และปรับปรุงเครื่องยนต์อีกนิดหน่อยมีแรงม้าเท่าเดิมที่ 280 แรงม้า แต่แรงบิดดีในรอบต่ำลงที่ 38 กก.เมตรที่ 2,750 รอบต่อนาที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น