วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ประวัติของ อัศวินแห่งรถแข่งขัน ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น

    เริ่มตำนานในราวปี 1962 เมื่อทาง Mitsubishi Motor Corporation สนใจนำรถเข้าร่วมการแข่งขัน Rally ที่มีชื่อว่า WRC หรือ World Rally Championship ซึ่งได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อค้นคว้า และ หาเทคนิคต่างๆ มาพัฒนาทีมรถแข่งของ Mitsubishi โดยเฉพาะชื่อว่า RALLI ART ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้


    ในสมัยแรก RALLI ART ได้นำรถ Mitsubishi Model 500 ออกมาเข้าร่วมแข่งขันด้วยเครื่องยนต์ 493 ซีซี 21 แรงม้า ถือเป็นการเริ่มต้นการแข่งขันจนถึงยุคปี 1973 ซึ่งทาง RALLI ART ก็ได้เปิดต้นกำเนิดรถยนต์ตระกูล Lancer ด้วย Lancer1600 GSR ที่บ้านเราพอจะเห็นๆวิ่งกันอยู่ที่เรียกกันว่า แลนเซอร์ไฟนอน ไฟแอล นั่นหละครับ และรุ่นนี้ก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับทีม Mitsubishi โดยได้เป็นแชมป์โลกติดต่อกันหลายต่อหลายปี จนมาถึงยุคปี 80 ทาง Mitsubishi ก็ได้เปิดตัวสายพันธ์แรลลี่ขึ้นมาใหม่อีกตัวหนึ่งคือ Lancer EX 2000 turbo หรือเจ้ากล่องไม้ขีด และถือเป็นการกำเนิดตำนานเครื่องยนต์ตัวแรงบล็อค 4G63 ในสมัยแรกเรียกกันว่าเครื่อง Sirius ที่นักแข่งรุ่นเก่าเรียกๆกันว่าซิลิอุสคอดำคอแดงนั่นเอง ก่อนจะเปลี่ยนผู้รับตำแหน่งแชมป์มาเป็นรถสปอร์ตสองประตู STALION 2000 GSR ขับเคลื่อนล้อหลังตัวสุดท้าย ในเครื่องยนต์รหัส 4G63B Dash 8 วาล์ว เทอร์โบ 175 แรงม้า จนถึงปี 1990 ก็สืบทอดตำแหน่งให้กับ Mitsubishi Galant VR4 ซึ่งถือเป็นยนตกรรมใหม่หมด ตั่งแต่เครื่องยนต์ แบบ DOSH 16 วาล์ว Cyclone เทอร์โบ 205 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จนถึงรุ่นสุดท้ายของ VR4 ในบล็อก 4G63T ECI ที่ให้พลังถึง 240 แรงม้า จนกระทั่งปี 1992 ทาง Mitsubishi Motor ก็ได้ผลิตรถยนต์ Lancer ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า Mitsu Ecar และในที่สุดแล้วทาง RALLI ART ก็ได้นำ Ecar มาเข้าสู่สายพานการผลิต Lancer Evolution ด้วยเหตุผลที่เหนือกว่า VR 4 ตรงที่มีขนาดเล็กกว่า แบกน้ำหนักน้อยกว่าถึง 18 % จาก VR4 ที่น้ำหนักถึง 1,350 kg เหลือเพียง 1,170 kg ใน Evo1 ทำให้ Evolution มีความได้เปรียบ Galant VR4 ในเรื่องแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่มาก

    การผลิตรถ Evolution เพื่อให้เป็นไปตามกฎของ Homo logate ของสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ FIA ของการแข่งขันรุ่น Group A ที่กำหนดไว้ว่า รถยนต์ที่เข้าร่วมในการแข่งขันต้องเป็นรถที่ผลิตขึ้นเพื่อในการจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 2,500 คัน ดังนั้น Lancer Evolution จึงถูกผลิตขึ้นในจำนวนน้อยเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะ และความแรงสูงกว่ารถยนต์ Lancer ที่ขายอยู่ในท้องตลาดโดยได้แบ่งรุ่นออกเป็นสองรุ่น คือ GSR ที่ตัวรถจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาอย่างเพียบพร้อมเหมาะกับการใช้งานบนท้องถนน และรุ่น RS ที่ผลิตมาให้มีความแข็งแรงสูงกว่า ตัดอุปกรณ์ต่างๆออกไปมีแต่อุปกรณ์ที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อส่งให้กับทีมแข่งต่างๆนำไปตกแต่งเพื่อใช้ในการแข่งขัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น